ถูกบันทึกไว้เป็นคดีปริศนาหาเงาฆาตกรโหดไม่เจออีกเรื่อง
ทั้งที่เป็นโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญทำลายการท่องเที่ยวไทยโด่งดังไปทั่วโลก
น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นถูกคนร้ายฆ่าปาดคอแล้วทิ้งศพไว้ข้างทาง ขณะขี่รถจักรยานไปเที่ยววัดสะพานหิน ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2550
ผ่านไปนาน 10 ปี ไม่มีความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้กระทำความผิด
ย้อนกลับไปเมื่อเวลา 15.20 น.ของวันที่ 25 พฤศจิกายน 2550 ร.ต.ท.สุวิทย์ เพื่อฝูง พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองเก่า อำเภอสุโขทัย รับแจ้งพบศพบริเวณทางขึ้นวัดสะพานหิน อยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.ศิรินทร์ ผดุงชีวิต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย ในขณะนั้น นำกำลังไปตรวจที่เกิดเหตุ
ร่างของเหยื่อสาวจากแดนอาทิตย์อุทัยโดนฆ่าปาดคอเป็นแผลฉกรรจ์เสียชีวิตมาประมาณ 5 ชั่วโมง
สอบสวนเบื้องต้นได้ความว่า เธอเดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดสุโขทัย เปิดห้องพักที่โอลด์ ซิตี้ เกสต์เฮาส์ แต่ห้องพักเต็มเลยฝากกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ตั้งแต่เวลา 22.00 น.ของวันที่ 24 พฤศจิกายน รอจนเช้าวันรุ่งขึ้นได้เช่าจักรยานขี่เที่ยวชมความงามของอุทยานประวัติศาตร์ชาติ
ไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์
เบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนร้ายดักชิงทรัพย์ แต่เธอขัดขืนเลยถูกฆ่าปิดปาก
ตำรวจปูพรมนำผู้ต้องสงสัยกว่า 10 คนในละแวกเกิดเหตุที่เคยมีประวัติก่อคดีอยู่ในบัญชีอาชญากรรมของตำรวจมาเค้นปากคำ ทว่าไม่พบพิรุธ
พล.ต.ท.วสันต์ วัสสานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ในขณะนั้นประชุมทีมสืบสวนคลี่คลายปมคดีจากหลายหน่วยที่เกี่ยวข้อง อาทิ พ.ต.อ.รังสรรค์ คชไกร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย พ.ต.อ.อำนาจ คล้ายพงษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย พ.ต.อ.จิรวัฒน์ ทิพยจันทร์ รองผู้บังคับการศูนย์สืบสวนภูธรภาค 6 พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี ผู้กำกับการ 4 กองปราบปราม พ.ต.ท.ธนพรรธน์ สุดกังวาล สารวัตรกองกำกับการ 4 กองปราบปราม พ.ต.ท.อรรถศักดิ์ ศิริพานิช สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว 4 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว
ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อไม่สามารถหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงสาวถึงฆาตกรใจเหี้ยม
นายยาสึอากิ ยามาชิตะ นางเอโกะยามาชิตะ และนายฮิโรชิ ยามาชิตะ พ่อแม่ และพี่ชายของเธอเดินทางมารับศพกลับประเทศญี่ปุ่นด้วยบรรยากาศเศร้าสลด
ความหวังจะพึ่งพากระบวนการยุติธรรมไทยดูเลือนราง
แม้แพทย์สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจจะพบหลักฐานชิ้นสำคัญเป็นตัวอย่างผิวหนังอยู่ในซอกเล็บมือขวาของผู้ตายนำไปตรวจดีเอ็นเอเก็บไว้เรียบร้อยแล้ว
แต่ยังหาผู้ต้องสงสัยมาเปรียบเทียบยืนยันตัวผู้กระทำความผิดไม่พบ
ผ่าน 2 ปี พ่อแม่และญาติเดินทางกลับมาเมืองไทยจัดพิธีรำลึกที่วัดสะพานหิน เหมือนตอกย้ำ “คดีหิน” ที่เกิดขึ้นจนไร้วี่แววไขปริศนา
พวกเขาตัดสินใจร้องขอ กรมสอบสวนคดีพิเศษ มาช่วยอีกแรงหลังระยะเวลาล่วงเลยมานานกว่า 6 ปี และมีรางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสในคดีนี้รวมแล้วทั้งสิ้น 1,100,000 บาท
จนแล้วจนรอดก็ไม่มีท่าทีว่าคนร้ายจนมุม
เกิดอะไรขึ้นกับคดีที่ส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยวและความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นที่มีมานานนับ 120 ปี
ไม่มีทีมนักสืบมือดีคลายปมแล้วจริงหรือ !!!