squad-car-1209719_1920

“ตำรวจต้องออกสืบออกตรวจ อย่าให้นักเลงมันใหญ่โต”

 

นักสืบมากอาวุโสที่หลายคนอาจหลงลืม

พล.ต.ต.วาทิน คำทรงศรี อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลูกหม้อนครบาลที่มีชื่อติดทำเนียบผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครเหนือ ก่อนไปสร้างผลงานอีกครั้งในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจในบั้นปลายชีวิตราชการ

เกิดปัตตานี ครอบครัวไทยพุทธในหมู่มุสลิม พ่อเป็นครูใหญ่โรงเรียนประชาบาล ส่วนตัวเองจบมัธยม 6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ปัตตานี แล้วเข้ากรุงมาต่อมัธยม 7-8 โรงเรียนอำนวยศิลป์ เอ็นทรานซ์ติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เรียนได้แค่ไม่กี่เดือน ทนเพื่อนเย้ายวนชวนมาสอบเป็นตำรวจไม่ไหว เนื่องจากเห็นว่า จบแล้วมีงานทำทันที สุดท้ายก้าวเข้าสู่รั้วสามพรานเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 12  ประเดิมตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวนโรงพักพระโขนง คันนายาว และหนอกจอก แล้วย้ายมาอยู่บางซื่อถิ่นที่เขาเริ่มสร้างชื่อในการสืบสวน

“ด้วยความที่เป็นคนต่างจังหวัด ชอบเล่นกีฬาฟุตบอลจะได้เปรียบ เพราะมีเพื่อนฝูงเยอะ ภาษาสืบสวนจะบอกว่า เราก็มีแหล่งข่าวดี คนอยากคุยด้วย มาแจ้งเกิดที่บางซื่อ ตั้งแต่เป็นรองสารวัตรติดยศแค่ร้อยตำรวจโท” พล.ต.ต.วาทินย้อนปฏิทินชีวิต เขาได้ต้นแบบมาจาก พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ สมัยยังเป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครเหนือที่มักสอนว่า “ตำรวจต้องออกสืบออกตรวจ อย่าให้นักเลงมันใหญ่โต อย่าให้นักเลงมันมีอิทธิพล”

พล.ต.ต.วาทินบอกว่า พอออกเวรสอบสวนแล้วก็จะออกตระเวนกับพวกสายสืบนอกเครื่องแบบ ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีรองสารวัตรสืบสวนคุม เราก็ออกไปคลุกคลีกับชาวบ้าน มีอยู่ราย ประทับใจมาก ชาวบ้านมาบอกข่าวว่า ชายวัยรุ่น 3-4 คนมาเช่าบ้านอยู่รวมกัน ไม่รู้ทำอาชีพอะไร เราก็เข้าค้น เอาตัวมาซัก มีสุริยะ โมรานนท์ เป็นสารวัตรสอบสวนช่วยมาเค้นปากคำกลายเป็นพวกหนีคดีฆ่าคนตายในต่างจังหวัด และมาก่อคดีชิงทรัพย์รถแท็กซี่ในกรุงเทพฯอีกหลายราย ตรงนี้ได้มาจากชาวบ้านสงสัยแล้วแจ้งเบาะแสตำรวจแท้ ๆ

อดีตนายพลวัยย่าง 80 เล่าอีกว่า หลังจากนั้นพยายามขอร้องให้สารวัตรใหญ่จัดตำรวจนอกเครื่องแบบมาอยู่กับเรา เวลาออกเวรก็ตามคดี คุมตำรวจสายสืบ 10 กว่านาย ตั้งฝ่ายสืบสวนขึ้นมาเองอย่างไม่เป็นทางการ บังคับให้ทุกคนเดินทำความรู้จักตามบ้าน ตามร้านค้า แบ่งโซนพื้นที่กัน ให้ไปเยี่ยมแนะนำตัว ไปบอกเขามีปัญหาอะไรให้บอกเรา ให้เบอร์ติดต่อที่โรงพักต้องติดต่อกับใคร จดรายละเอียดมาให้เรา เราก็ทำแฟ้มใส่ไว้มีกี่บ้าน กี่คน บ้านเลขที่เท่าไหร่ มีใครอยู่บ้าง “มันเป็นพื้นฐานของการสร้างแหล่งข่าว มาถึงเดี๋ยวนี้มีคนบอกว่า การข่าวทางราชการไม่ได้เรื่อง ก็ไม่ได้เรื่องจริง ๆ เพราะไม่ได้สร้างแหล่งข่าว ใครเขาจะมาบอก” นักสืบเก่าเล่าประสบการณ์

เขายังมีโอกาสสัมผัสการทำงานเคียงข้าง พล.ต.อ.มนัส ครุฑไชยยันต์ สมัยเป็นสารวัตรป้องกันปราบปราม ที่ขยันขันแข็ง มีอยู่คืนหนึ่งแต่งเครื่องแบบมาโรงพักเรียกคนขับรถจี๊ปดำตระเวนตรวจเข้าไปในซอยประหยัดทรัพย์ไม่ห่างโรงพัก เห็นรถแท็กซี่จอดกดแตร 1 ที สารวัตรมนัสสงสัยเลยเอาตัวมาสอบปากคำ พล.ต.ต.วาทินว่า ขณะนั้นเข้าเป็นร้อยเวรจึงช่วยซักไล่ถามว่า บ้านอยู่ที่ไหน มันจะขอโทรศัพท์ท่าเดียว เราไม่ยอม สอบกันทั้งคืนรุ่งเช้าค้นบ้านเจอของกลางที่มันขโมยมาเต็มไปหมด มีเจ้าทุกข์ทราบข่าวมาดูของกลางกว่า 10 ราย ตัวที่ได้เป็นหัวหน้า ดูต้นทาง ส่วนลูกน้องปีนเข้าบ้าน วันที่เจอแล้วเห็นมันกดแตรเพื่อส่งสัญญาณบอกสมุน เสียดายเราไม่ได้ตัว

อยู่บางซื่อจนได้เลื่อนเป็นสารวัตรสอบสวน พล.ต.ต.วาทินเล่าว่า เกิดคดีปล้นร้านทองหัวมุมสี่แยกสะพานควาย ทั้งที่มีตู้ยามตำรวจอยู่หน้าร้าน แต่ตำรวจดันไม่อยู่ หนังสือพิมพ์ตีข่าวด่า คนร้ายกวาดทองขึ้นรถแท็กซี่หนี สืบกันไปสืบกันมาอยู่ 2-3 วัน มีคนโทรศัพท์มาบอกขอพูดกับสารวัตรวาทิน เราก็ขอพบ แต่ชวนมาโรงพักไม่ยอมมาเลยนัดเจอกันแถวสุทธิสาร ได้ข้อมูลว่า มีผู้ต้องสงสัยมาติดพันลูกสาวคนขับรถแท็กซี่ ในซอยอินทามระ เอาพวกมามั่วกันดึกดื่นแล้วหายไป ล่าสุดเหมาแท็กซี่ไปนั่นไปนี่ ไปถึงเมืองกาญจนบุรี เราตัดสินใจเข้าไปหาลูกสาวแท็กซี่คนนั้น ได้ความว่า หนุ่มที่มาติดพันจ้างพ่อไปส่งกาญจนบุรีจริง พอเอาแท็กซี่มาสอบถึงรับว่า พาคนร้ายเอาทองไปขายที่เมืองกาญจน์ ไล่เช็กกันจนตามจับได้ยกแก๊ง

“ทำคดีสืบสวนต้องใจรัก มีช่องให้ บางทีมันทื่อ บางคนทำวงแตก การสืบสวน ผมว่า คนสืบเก่ง คือ การซักถามเก่ง ผมยกให้มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น แกซักเก่ง ถามคนต้องสงสัยเก่ง แกถามพยานที่รู้เห็นหรืออยู่ในเหตุการณ์ได้ดี ส่วนณรงค์ มหานนท์ สืบสวนสอบสวนเก่ง ละเอียดเอาข้อสงสัยมาเป็นประเด็น ทำเป็นขั้นเป็นตอน นักสืบต้องละเอียด ไม่ใช่รู้อะไรมาแล้วไปทำเลย แถมให้สัมภาษณ์สื่อนำหน้าคดี แบบนี้คนร้ายหนีหมด มันไม่ใช่ เราต้องหาหลักฐานเพื่อมัดให้แน่น” 

อยู่โรงพักบางซื่อนาน 7 ปี เขาขยับเป็นสารวัตรสอบสวนโรงพักพระราชวัง ขึ้นเป็นสารวัตรใหญ่โรงพักสามเสนแล้วคืนถิ่นเก่าเป็นสารวัตรใหญ่บางซื่อ เลื่อนขึ้นรองผู้กำกับการนครบาล 1 และรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครเหนือ ร่วมกับ พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ เวลานั้นเป็นผู้กำกับการสืบสวนเหนือพิชิตคดีเป๋ อกไก่

คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2525 คนร้ายฆ่าข่มขืนนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงหมกห้องน้ำโรงภาพยนตร์นิวยอร์กใกล้แยกสะพานควาย มีพยานยืนยันลักษณะคนร้ายเดินขาเป๋ มีอกพิการที่เรียกกันว่า “อกไก่” อดีตนายตำรวจสืบสวนเหนือบรรยายความว่า สมัยก่อนไม่มีกล้องวงจรปิด ต้องใช้วิธีวาดรูป หรือสเก็ตช์ภาพตามคำบอกเล่าของพยาน ตอนนั้นมีการควานจับคนพิการอกไก่ ขาเป๋กันจ้าละหวั่น เราต้องบอกอย่าไปจับมั่ว ต้องดูให้แน่ชัดก่อน ปรากฏว่า มีตำรวจจักรวรรดิคนหนึ่งเห็นภาพวาดแล้วสงสัยจะเป็นลูกแขกยามที่อยู่แถวจักรวรรดิ

“ตำรวจคนนั้นเป็นลูกน้องเก่าผม มันบอกผมรู้จักด้วย เพราะผมเคยคุมพื้นที่จักรวรรดิ แขกยามคนนี้ไปหาสวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ ตอนนั้นเป็นรองผู้การกำลังพลให้เขียนหนังสือฝากผมช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของแขกยามคนนี้ ผมถึงนึกออก จำลักษณะท่าทางลูกชายมันได้ แต่ตอนแรกไม่แน่ใจว่าจะเป็นมันจริงไหม ผมเลยย้อนกลับไปที่โรงหนัง เจ้าของร้านขายข้าวมันไก่ที่อยู่ข้างโรงหนังยืนยันเห็นมันมาในวันเกิดเหตุ”

“พวกผมตามกันสุดเหวี่ยง ในที่สุดตำรวจจักรวรรดิคว้าตัวมาได้ หลักฐานยังไม่มี มันยังไม่สารภาพ ผมก็ถามว่า เล็ก มึงมุสลิมนะ ไทยพุทธเขาถือเรื่องพระที่ห้อยคอ ถ้าคืนเขาให้อภัยหมดนะ พยายามพูดหว่านล้อมให้มันเอาของกลางมาก่อน มันก็หลุดว่า แบบนี้มันก็เกมยาวสิ เท่านั้นแหละผมยิ้มเลย เราได้เปรียบแล้ว ผมขู่อีกว่าอยากคุยกับป๋าประยูรไหม เพราะมันกลัวกิตติศัพท์ท่านประยูร โกมารกุล ณ นคร ที่เคยอยู่จักรวรรดิมาก่อน มันบอกไม่เอา ผมเลยย้ำว่า ถ้าอย่างนั้นไปเอาพระมา” พล.ต.ต.วาทินลำดับคดีสะท้านกรุงเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา

คนร้ายพาเขาไปเอาพระที่มันฝากไว้ร้านเสริมสวยชื่อรัตนา พอได้พระมา ก็ขยายผลต่อไปเอาสร้อยของเหยื่อที่มันเอาไปขายอายัดเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญมัดตัวฆาตกรจิตวิปริตในนามเป๋ อกไก่ ก่อนพามันไปให้ พล.ต.อ.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ พล.ต.ท.จำรัส จันทรขจร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแถลงข่าวต่อสื่อมวล และทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุท่ามกลางชาวบ้านที่จ้องรุมประชาทัณฑ์สาปแช่งนับร้อย

“ผมภูมิใจในคดีนี้มาก” พล.ต.ต.วาทินระบายความรู้สึก

ถัดจากนั้นไม่นาน เขาเลื่อนเก้าอี้ผงาดเป็น “ผู้กำกับสืบสวนเหนือ”ที่นายตำรวจนักสืบในอดีตหลายคนใฝ่ฝัน ประเดิมคดีปล้นเงินเดือนสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม บนชั้น 3 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กวาดเงินไปหลายล้านบาทขณะที่พนักงานเพิ่งเบิกมาจากธนาคารชาติเตรียมนับใส่ซองแจกจ่ายเป็นเงินเดือนข้าราชการ

อดีตผู้กำกับสืบเหนือเล่าว่า คนร้ายใช้ปืนสเตน พับฐานออกมาขู่พลเมืองดีที่พยายามขี่มอเตอร์ไซค์ติดตาม เป็นคดีที่หนักมาก ผู้ใหญ่ตามจี้ต้องเอาให้ได้ กรรมาธิการสภาถึงกับเรียกอธิบดีกรมตำรวจเข้าไปชี้แจง วิธีสืบสวนเบื้องต้น เราหาพวกกเฬวรากที่เคยถูกจับแล้วพ้นโทษออกมา กับไล่พวกที่มีประวัติพฤติการณ์แบบนี้ รวมถึงพวกถูกออกหมายจับที่ยังจับไม่ได้ เป็นการเหวี่ยงแห แต่มันจำเป็น บังเอิญ วินัย เปาอินทร์ เป็นสารวัตรใหญ่เตาปูน เพิ่งย้ายมาเป็นรองผู้กำกับสืบสวนเหนือจำได้ว่า มีร้านทอง ถูกคนร้ายปล้นทีเดียว 2 ร้าน คนขี่มอเตอร์ไซค์ตามหลังมาเห็นปืนสเตนพับฐานจี้มาเหมือนกัน

พล.ต.ต.วาทินบอกว่า จากสมมติฐานน่าเชื่อมันจะเป็นแก๊งเดียวกันแน่นอนเลยเปิดเกมจากคดีปล้นร้านทองที่เตาปูน ตามเบาะแสจากสายลับว่า ผู้ต้องสงสัยคนไหนหายไปแล้วตามไล่ไม่เจอ กระทั่งรู้ว่า มีอยู่คนชื่อเปี๊ยก หัวหน้าแก๊งปล้นที่มักไปกบดานอยู่ซ่องริมแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้ท่าเรือคลองเตย เรากับวินัยเช่าเรือวนไปดูจุดเห็นแล้วเหมาะกับการกบดานจริง พอไปรายงานท่านมนัส ครุฑไชยยันต์ ตอนนั้นเลื่อนเป็นผู้การเหนือแล้วว่าจะบุกค้น ท่านแย้งว่า ถ้าไม่ได้ มันก็กระเจิงสิ ให้ใช้วิธีดักเฝ้าทางเข้าออกดีกว่า หากเจอใครก็ซิวมาก่อน

หัวหน้าทีมนักสืบจัดกำลังให้ พ.ต.ท.คงเดช ชูศรี รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครเหนือ นำตำรวจนอกเครื่องแบบเฝ้าอยู่ 4-5 วัน ยังไม่มีแววผู้ต้องสงสัยโผล่ออกมาจากแหล่งกบดาน ศูนย์วิทยุรามาได้แจ้งให้ ผู้กำกับวาทิน โทรศัพท์หาผู้การมนัสด่วน “ท่านว่าให้กำลังที่วางอยู่ถอนก่อน วรรณรัตน์ คชรักษ์ ผู้กำกับสืบสวนใต้จะยกกำลังค้นพรุ่งนี้แล้ว ผมตัวอ่อนเลย มดแรง เวลาเราขอค้นกลับไม่ให้ ผมถามใครสั่ง แกบอกมานะ วงศ์สมบูรณ์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลสั่ง วันรุ่งขึ้นผมมีพยานศาลคดีเป๋ อกไก่พอดี ผมถึงกับเซ็ง”

กลับจากเป็นพยานศาลเข้าที่ทำงานตอนเที่ยง พล.ต.ต.วาทินบอกว่า ท่านสุริยะ โมรานนท์ รองผู้การเหนือรอพบที่ห้อง พอเข้าไป เห็นนางนิด หัวหน้าซ่องนั่งอยู่ด้วย  ท่านสุริยะว่า วาทินต้องการตัวไม่ใช่หรือ เราก็บอกไม่ใช่ต้องการนางนิด ต้องการผัวมันต่างหาก เรื่องของเรื่องกำลังสืบสวนใต้เข้าค้นแล้วไม่ได้อะไรเลยพานางนิดเจ้าของซ่องมาสอบ แต่ไม่มีข้อมูลในมือถึงโยนกลับมาที่เรา

เค้นกันอยู่นาน นางนิดยอมเผยข้อมูลเรื่องที่เปี๊ยก เหมปาละ ผัวมันนัดจะเอาเงินไปให้ค่าเช่าปืนสเตน เท่านั้นแหละทำเอา ผู้กำกับวาทิน หูผึ่ง ตัดสินใจจูงมือสาวหัวหน้าซ่องโสเภณีลงบันไดหนีไฟไปกับร.ต.อ.มานิตย์ จันทร์จำเริญ เข้าเปิดเซฟเฮาส์โรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนโทรศัพท์ตามบรรดารองสารวัตรที่ไม่ติดภารกิจรับลูกส่งเมียมาสมทบอีกราว 10 นาย เพื่อวางแผนจับหัวหน้าแก๊งปล้นเงินเดือนข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

“ผมเช่าโรงแรมจ่ายไป 4 หมื่นกว่าบาท มีตำรวจหญิงนอนเฝ้าด้วย กลัวมันร้องว่า เราปล้ำมัน ระหว่างคุยกันกินเบียร์ย้อมใจรอเวลานัดอีกวัน ผมว่า ถ้าแบบนี้เท่ากับปั้นวัวปั้นควายให้นายดู มีอะไรบอกมาก่อนได้ไหม คืนนี้เลยได้ไหม ในที่สุดมันบอกว่า ไอ้ศักดิ์ คนเช่าปืนสเตน คาร์ไบน์ บ้านอยู่แฟลตการเคหะบางนา ผมถามว่ารู้ไหม มันว่าเคยไปกับไอ้เปี๊ยก ผมเรียกแม่ทัพนายกองประชุมทันทีแล้วพากันไปที่หมายสำคัญคว้าตัวไอ้ศักดิ์เป็นคนแรก จากนั้นขยายผลตามล่าจับกุมยกแก๊งในคืนเดียว” พล.ต.ต.วาทินเอ่ยถึงผลงานสืบสวนชิ้นโบแดง

เป็นผู้กำกับสืบสวนเหนือแค่ปีเดียว ถูกไล่เบียดไปลงเป็นผู้กำกับการนครบาล 1 ชีวิตราชการของ พล.ต.ต.วาทิน ถึงจุดพลิกผันทันที เมื่อโดนชุดเฉพาะกิจหน่วยอื่นเข้าจับบ่อนการพนันในพื้นที่ ทำให้ตัวเองถูกตั้งกรรมการสอบสวนข้อบกพร่อง เด้งเข้าไปอยู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ หลุดเส้นทางนครบาลที่อยู่มาเกินครึ่งชีวิตราชการ ก่อนเป็นรองผู้บังคับการจเรตำรวจ รองผู้บังคับการกองพลาธิการ รองผู้บังคับการกองทะเบียนคนต่างด้าว และขึ้นผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจคนแรกในประวัติศาสตร์

เขาว่า ทำงานสืบสวนคดีเศรษฐกิจ สนุกดีเหมือนกัน มีความผิดเกี่ยวกับเรื่องการเงินการธนาคาร การค้าการพาณิชย์ การภาษีอากร มีทรัพย์สินทาปัญญารวมอยู่ด้วย เราเอารถบดทับทำลายนาฬิกาของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์เป็นครั้งแรกที่ทำแบบนั้น หลังศาลสั่งริบแล้วมอบให้ผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ยอมรับก็ต้องบดทำลาย ขายก็ไมได้มันจะผิดกฎหมาย สะสมประสบการณ์นาน 4 ปี ได้ความรู้เตรียมจะมาตีพิมพ์เรื่องความผิดเกี่ยวกับคดีเศรษฐกิจในอนาคต

อดีตนายพลผู้มากวิชาฝากทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันงานสืบสวนขาด งานสอบสวนก็ขาด เท่าที่มองลงไป อยากให้ฟื้นฟู ถ่ายทอดกันให้เป็นแบบอย่างที่ดี เช่น เรื่องการข่าว ที่พูดว่าล้มเหลว ไม่ได้เรื่อง รู้หรือไม่ว่า ข่าวได้มาอย่างไร มันต้องสร้างแหล่งข่าว ซื้อก็ต้องซื้อ ข่าวได้มาจากคน อยู่เฉย ๆไม่มีได้ ถึงต้องสร้างแหล่งข่าว แต่ต้องเข้าใจความเป็นพลเมืองดี หรือคนที่รู้เรื่อง แต่เกรงว่าจะได้รับอันตราย เหมือนธุระไม่ใช่ ปัญหามันอยู่ตรงนี้ ตำรวจนักสืบจำเป็นต้องบังเขาให้ได้ เก็บความลับให้ได้ว่า ใครบอก ไม่อย่างนั้นเขาจะระแวง และกลัวจนไม่กล้าให้ข่าวเรา

วาทิน คำทรงศรี !!!  

RELATED ARTICLES