สืบ ตม.3 บุกจับร้านอาหารทุนจีนศูนย์เหรียญจังหวัดระยอง รวบพนง.จีน-เมียนมา

พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม., สั่งการพล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3  พ.ต.ท.วิรชา สนั่นศิลป์ รอง ผกก.สส. บก.ตม.3, พ.ต.ท.สุริโย ไชยยอด ว่าที่ พ.ต.ท.จตุรโชค เพชรคง สว.กก.สส.บก.ตม.3  นำกำลังเข้าตรวจสอบ ร้านอาหารจีน ชื่อโรงอาหาร หุยเซียงฯ ต.นิคมพัฒนา อ.นิคมพัฒนา จ.ระยองสามารถจับกุมตัว MR.GUOQING และMR.WANG สัญชาติจีน พร้อมลูกจ้างชาวเมียนมา จำนวน 4 คน ความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือทำงานนอกเหนือจากสิทธิที่จะทำได้”

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.3 ได้รับแจ้งข้อมูลจากสายลับว่า ร้านอาหารจีนแห่งหนึ่งบริเวณ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง มีเจ้าของเป็นชาวจีนได้ว่าจ้างพนักงานต่างด้าวทั้งชาวจีนและเมียนมาไม่ถูกต้องตามกฎหมายจำนวนมากเพื่อบริการกลุ่มลูกค้าชาวจีนด้วยกัน หลังรับเรื่องจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบร้านอาหารดังกล่าว เมื่อไปถึงพบเป็นอาคารพาณิชย์ริมถนนใหญ่ ป้ายหน้าร้าน เมนูอาหาร ตัวอักษร อุปกรณ์ของใช้ภายในร้านต่างๆ เป็นภาษาจีนทั้งหมด

ขณะเข้าตรวจสอบพบ MR.GUOQING อายุ 30 ปี ทำหน้าที่รับรายการอาหาร คอยดูแลลูกค้า และเก็บเงินจากลูกค้าซึ่งเป็นชาวจีน และเมื่อเข้าไปตรวจสอบในห้องครัวพบพ่อครัวเป็นชาวจีน ทราบชื่อว่า MR.WANG อายุ 48 ปี กำลังทำอาหารให้ลูกค้า จากการตรวจสอบพบว่า ทั้งคู่ได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยโดยประเภทวีซ่า สำหรับการท่องเที่ยว แต่ไม่สามารถแสดงใบอนุญาตทำงานได้ พร้อมแรงงานลาวเมียนมา  4 ราย มีเอกสารใบอนุญาตทำงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

จากการสอบถาม MR.GUOQING และ MR.WANG แจ้งว่าร้านดังกล่าวมีเจ้าของร้านเป็นหญิงชาวจีน ชื่อ Ms. JING  ได้ว่าจ้างตน เพื่อนชาวจีนและชาวเมียนมาเป็นพนักงานในร้าน ซึ่งขณะตรวจสอบรับแจ้งว่า Ms. JING ได้เดินทางกลับไปยังประเทศจีน นอกจากนั้นยังพบว่าลูกค้าชาวจีนสามารถชำระเงินผ่าน QR CODE ระบบบัญชีธนาคารสัญชาติจีนได้เลย โดยปรากฎทั้งระบบ WECHAT PAY, ALIPAY และพบ QR CODE ชำระเงินระบบพร้อมเพย์บัญชีธนาคารไทยชื่อบัญชีชาวจีนว่า JING

เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหา MR.GUOQING และ MR.WANG สัญชาติจีน พร้อมลูกจ้างชาวเมียนมา จำนวน 4 คน “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือทำงานนอกเหนือจากสิทธิที่จะทำได้” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.นิคมพัฒนา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ ผบก.ตม.3 เปิดเผยว่าความผิดในข้อหาดังกล่าวแม้มีโทษเพียงการปรับในชั้นศาล แต่ผู้ถูกจับจะต้องถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ถูกบันทึกเป็นบุคคลต้องห้าม หรือ blacklist ห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร และถูกส่งกลับประเทศต้นทางต่อไป และขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

RELATED ARTICLES