นับเวลาถอยหลังเพียง 2 เดือนเศษจะมีนายพลตำรวจหลายคนถอดเครื่องแบบอำลาชีวิตราชการปิดฉากเส้นทางผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กลับไปเป็น “ข้าราชการบำนาญ” ทิ้งเรื่องราวแห่งตำนานให้ตำรวจรุ่นหลังมองเป็นบททดสอบ
อาชีพที่ให้คุณ-ให้โทษแก่ทุกคนและต้องอดทนต่อเสียงก่นด่ารอบด้าน
โฟกัสอยู่ที่เก้าอี้ผู้นำหน่วยหลัก ตั้งแต่ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.ธณัท วงศ์สุวรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล พล.ต.ท.ประพันธ์ จันทร์เอม ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และพล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว
พาเหรดเกษียณอายุราชการพร้อมกันรวดเดียว
มีการกะเก็งคาดการณ์ “ตัวเต็ง” ที่จะมานั่งตำแหน่งแทน เสมือน “เก้าอี้ดนตรี” ที่ต้องมี “ของดี” หนุนส่ง แต่ยังไม่มีอะไรแน่นอน ตราบใดที่ยังไม่มีการ “เคาะระฆัง” ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลสีกากี
มีเพียง บัญชีลําดับอาวุโสระดับผู้บัญชาการ ที่สำนักงานกำลังพลไล่เรียงมาอย่างเป็นทางการประกอบการตัดสินใจในตำแหน่งว่างอีกลอต สำหรับผู้ที่ต้องเลื่อนขึ้นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามวิถีชีวิตคนในเครื่องแบบ
ประกอบการพิจาณาไปถึงเส้นทางในอนาคต
ใครอยากนั่งอยู่ที่เดิม ใครอยากเลื่อนขึ้นไต่บันไดเพื่อให้ไกลถึงยอดสูงสุด
ตั้งแต่ พล.ต.ท.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อาวุโสลำดับแรก เกษียณอายุปี 2566 ตามด้วย พล.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ จเรตำรวจ ที่ได้รับการรับรองการนับระยะเวลาการปฏิบัติงานเป็น “ทวีคูณ” ในระดับรองผู้บัญชาการ 2 ปี 11 เดือน และระดับ รองผู้บังคับการ 1 ปี 5 เดือน 17 วัน เมื่อครั้งลงไปทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่จะครบเกษียณอายุปีหน้า
ลำดับ 3 ได้แก่ พล.ต.ท.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ จเรตำรวจแห่งชาติ เกษียณอายุปี 2564 ลำดับ 4 พล.ต.ท.สุรพล พินิจชอบ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ทนท.ผู้เชี่ยวชาญด้านสืบสวน) เกษียณอายุปี 2562 เช่นเดียวกับลำดับ 5 พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ที่จะเกษียณอายุปี 2562
ลำดับ 6 พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เกษียณอายุปี 2565 ลำดับ 7 พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ จเรตำรวจ เกษียณอายุปี 2564 ลำดับ 8 พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้บัญชาการศึกษา เกษียณอายุปี 2567 ลำดับ 9 พล.ต.ท.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 เกษียณอายุปี 2562 ลำดับ 10 พล.ต.ท.อิทธิพล พิริยะภิญโญ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ทนท.บริหารงานด้านป้องกันฯ) เกษียณอายุปี 2564
ลำดับ 11 พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เกษียณอายุปี 2563 ลำดับ 12 พล.ต.ท.อดิศร์ งามจิตสุขศรี จเรตำรวจ เกษียณอายุ ปี 2564 ลำดับ 13 พล.ต.ท.ติณภัทร ภุมรินทร์ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง เกษียณอายุปี 2562 ลำดับ 14 พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บัญชาการกฎหมายและคดี เกษียณอายุปี 2564 ลำดับ 15 พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เกษียณอายุปี 2564 ลำดับ 16 พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ทนท.ประสานงานนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) เกษียณอายุปี 2566
ลำดับ 17 พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เกษียณอายุปี 2565 ลำดับ 18 พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้รับการรับรองการนับระยะเวลาการปฏิบัติงานเป็น “ทวีคูณ” ระดับรองผู้บังคับการ 3 ปี 1 เดือน 1 วัน ตอนลงไปทำงาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เกษียณอายุปี 2564 ลำดับ 19 พล.ต.ท.วิฑูรย์ นิติวรางกูร แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เกษียณอายุปี 2563 ลำดับ 20 พล.ต.ท.สาโรช นิ่มเจริญ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจสอบภายใน เกษียณอายุปี 2562
ลำดับ 21พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่นผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เกษียณอายุปี 2562 ลำดับ 22 พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ เกษียณอายุปี 2568 พล.ต.ท.ชนินทร์ ชะโยชัยชนะ นายแพทย์ (สบ 8)โรงพยาบาลตำรวจ เกษียณอายุปี 2564 ลำดับ 24 พล.ต.ท.สุธีร์ เนรกัณฐี ผู้บัญชาการสำนักงานงบประมาณ เกษียณปี 2562 ลำดับ 25 พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เกษียณปี 2564 ลำดับ 28 พล.ต.ท.สัญชัย สุนทรบุระ ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เกษียณปี 2562 ลำดับ 27 พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เกษียณปี 2563 และลำดับ 28 พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล เกษียณปี 2567
ในบรรดารายชื่อทั้งหมดต้องมีอย่างน้อย 1 นายขึ้นสู่ปลายยอดเป็น “แม่ทัพสีกากี”
ยิ่งหากการแต่งตั้งโยกย้ายระลอกนี้ “ชิงหลัก” เอาความได้เปรียบบนเก้าอี้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก่อนคนอื่น