นายตำรวจนักสืบประสบการณ์สูงฝากแง่คิดไว้น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องใช้สายลับทำภารกิจสืบสวนคดีอาชญากรรม
ว่าด้วยความจำเป็นในการสืบสวนสายลับทุกครั้ง
กรณีสายลับเข้ามาหาเจ้าพนักงานโดยสมัครใจต้องสืบสวนสายลับ ต้องพิจารณวัตถุประสงค์ให้ได้ว่า การเข้ามาเป็นสายลับเนื่องจากอะไร เช่น เกิดความกลัว ต้องการแก้แค้น ต้องการค่าตอบแทน มีสาเหตุอื่นแอบแฝง
เช่น ต้องการกำจัดคู่แข่ง แกล้งเอาข่าวที่ไม่มีค่ามาแจ้งบิดเบือนจากข้อเท็จจริงเพื่อดึงความสงสัยไปจากตัว
ชอบโอ้อวด หรือสำนักผิด ต้องการกลับตัว ต้องการช่วยเหลือสังคม
ดังนั้นการสืบสวนสายลับมีความสำคัญที่ต้องรู้ให้ได้ว่า สายลับมาเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และการสืบสวนจะรู้ถึงอุปนิสัยของสายลับแต่ละคนเพื่อประโยชน์ในการมอบหมายการปฏิบัติ
เวลาพบสายลับ เขากำชับว่า อย่าไปคนเดียวโดยเฉพาะสายลับที่เป็น “ผู้หญิง” ควรมีเจ้าหน้าที่ในชุดปฏิบัติการอย่างน้อยหนึ่งนายไปด้วย
ต้องทำความรู้จักบ้านสายลับและคนในครอบครัว รวมทั้งหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อเพื่อสะดวกในการติดตามตัว
ต้องรายงานผู้บังคับบัญชาระดับเหนือขึ้นไปให้ทราบว่า กำลังใช้สายลับปฏิบัติงาน
หากเห็นว่า ภารกิจที่มอบหมายให้สายลับทำมีผลงาน เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนจับกุมให้ขึ้นทะเบียนประวัติสายลับไว้ เพื่อประโยชน์ในการอ้างอิงการปฏิบัติงาน
การปฏิบัติงานของสายลับทุกภารกิจ ต้องได้รับมอบหมาย กำหนดระยะเวลา และอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานตลอดเวลา
ข้อสำคัญ เจ้าตัวเน้นว่า สายลับ “ไม่มีสิทธิพิเศษ” ที่จะประกอบอาชญากรรมได้ และจะไม่มีการช่วยเหลือหรือป้องกันให้รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดี
การมอบภารกิจให้สายลับต้องเป็นภารกิจเฉพาะและชัดเจน โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชาก่อน
ห้ามนัดสายลับมาพบที่บ้านเจ้าหน้าที่ หรือนัดพบที่บ้านสายลับเด็ดขาด
หากหมดความจำเป็น หรือไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสายลับได้ ให้ยกเลิกการใช้สายลับนั้นเสีย
จำไว้ว่า ไม่มีสายลับคนใดที่มีค่าพอต่อการเสี่ยงต่อชื่อเสียง หรืองานในอาชีพของท่าน