ตำรวจทางหลวง รวบ “ชัยวัฒน์” ทนายแม่แตงโม ขับบีเอ็มหรูสวมแผ่นแผ่นป้ายทะเบียน เช็คประวัติพบมีหมายจับคดีแอบอ้างอุ๊งอิ๊ง ฝากเข้า ส.ส.เพื่อไทย ตุ๋นเงิน 20 ล้าน แฉพฤติกรรมอ้างตัวว่า เป็นทนาย ทั้งที่ไม่ได้จบการศึกษาด้านกฎหมาย
เมื่อวันที่ 1 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง สั่งการ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รองผู้บังคับการปราบปราม ปฏิบัติราชการ กองบังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผู้กำกับการ1กองบังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.ท.ปภินวิทย์ อุดมพร สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง1กองกำกับการ1กองบังคับการตำรวจ นำกำลังจับกุม นายชัยวัฒน์ หรือ ส.ส.ชัยวัฒน์ โลมากุล อายุ 55 ปี ตามหมายจับศาลแขวงปทุมวัน ที่ 117/2566 ลงวันที่ 13 พ.ย. 2566 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง , ร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา , ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ,ร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม,หมิ่นประมาท” ได้ที่ บริเวณริมถนนสายเอเชีย กม.2-3 ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน จังหวัดระนครศรีอยุธยา
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าตำรวจได้รับแจ้งเตือนจากกล้องตรวจจับการกระทำความผิดจาก ว่ามีรถยนต์เก๋งยี่ห้อ BMW 525i สีดำ ต้องสงสัยสวมทะเบียน ขับผ่านมาบนถนนสายเอเชีย จึงจัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์กระทั่งเมื่อพบรถคันดังกล่าว จึงเรียกตรวจสอบ พบนายชัยวัฒน์ เป็นผู้ขับขี่ ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบเลขตัวถังรถกับข้อมูลในระบบขนส่งก็พบว่า เป็นรถที่สวมหรือติดแผ่นป้ายทะเบียนไม่ตรงตามที่จดแจ้ง จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานก่อนนำส่ง สถานีตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
แต่ด้วยความที่พฤติกรรมของนายชัยวัฒน์ ที่มีการนำแผ่นป้ายทะเบียนรถคันอื่นมาสวม คล้ายกับปิดบังอำพรางตัวตนดูต้องสงสัย จึงทำการตรวจสอบประวัติของนายชัยวัฒน์ ก่อนพบว่ามีหมายจับศาลแขวงปทุมวัน ในคดีร่วมกับ นายณธีพัฒน์ นาแล และ นายธนัญชัย ศิลาลาศ หลอกเงินผู้เสียหาย กว่า 20 ล้านบาท อ้างว่า สามารถพาเข้าไปทำงานเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยได้ โดยแผนประทุษกรรมในคดีดังกล่าว เริ่มจาก ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ได้ทำทีตีสนิทนายอำไพ กองมณี อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ผู้เสียหายรายแรก
ว่ามีตำแหน่ง สส.บัญชีราชื่อลำดับที่ 20 ของพรรคเพื่อไทย ว่างอยู่ แต่ต้องเสียค่าสมัครเป็นเงิน 40 ล้านบาท อีกทั้งยังมักอ้างว่า นายณธีพัฒน์ เคยเป็นแฟนเก่าของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง สามารถวิ่งเต้นเดินเรื่องได้ จนทำให้นายอำไพ เกิดความสนใจ หลงเชื่อและไปลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อของพรรคเสรีรวมไทย เพื่อมาสมัครเป็น สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ตามที่มีการกล่าวอ้าง
จากนั้นก็ได้นัดหมายเจรจาและจ่ายเงินค่าสมัคร ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง โดยจ่ายเงินสดงวดแรก ให้ก่อนจำนวน 20 ล้านบาท ก่อนที่กลุ่มผู้ต้องหาจะพานายอำไพ ไปถ่ายรูปและสมัครเป็น สส.บัญชีรายชื่อที่พรรคเพื่อไทย ก่อนจะพากลับมาที่โรงแรมอีกครั้ง ก่อนพยายามพูดคุยให้จ่ายเงินส่วนที่เหลืออีก 20 ล้านบาท แต่ผู้เสียหาย ขอไปจ่ายให้กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่พรรคเพื่อไทย ด้วยตัวเอง แต่เมื่อไม่ได้พบ น.ส.แพทองธาร จึงไม่มีการจ่ายเงินส่วนที่เหลืออีก 20 ล้านบาท
กระทั่งเมื่อพรรคเพื่อไทยประกาศรายชื่อ สส.บัญชีรายชื่อ ปรากฏว่าไม่มีชื่อของนายอำไพ แต่อย่างใด จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ต่อมาเมื่อ น.ส.แพทองธาร ทราบเรื่องว่ามีการแอบอ้างชื่อเพื่อไปหลอกเงินนายอำไพ จึงตัดสินใจมาเข้าแจ้งความเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เพิ่มอีกคดีดังกล่าว จนกระทั่งมีการออกหมายจับ ก่อนที่ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถจับกุม นายณธีพัฒน์ ได้เป็นรายแรก จากนั้นไม่นาน นายธนัญชัย จะติดต่อขอมอบตัว คงเหลือนายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหารายนี้เพียงคนเดียวที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบนายชัยวัฒน์ ให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อจึงนำตัวส่ง สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบประวัตินายชัยวัฒน์ ทราบว่า เคยเป็นทีมที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ แม่แตงโม ดาราสาวชื่อดัง และมักมีพฤติกรรมอ้างตัวว่า เป็นทนาย ทั้งที่ตัวเองนั้น ไม่ได้จบการศึกษาด้านกฎหมายแต่อย่างใด